Welcome www.herbsdd.blogspot.com

ขอต้อนรับเข้าสู่เวปไซต์ www.herbsdd.blogspot.com เพื่อคนรักสุขภาพและสมุนไพร เพื่อชีวิตที่ดีด้วยวิธีง่ายๆในการใส่ใจสุขภาพที่น่าทะนุถนอมของคุณ

วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2554

ยาอายุวัฒนะ

โบราณแนะนำให้ รู้จักกิน รู้จักนอนแต่หัวค่ำ ฝึกขับถ่ายทุกวัน ฝึกใจไม่โลภไม่โกรธเรียนรู้ทำใจให้สงบเย็น และต้องทำงานให้เป็นประโยชน์ด้วย แต่ก่อนไม่ต้องแนะให้คนออกกำลังกายเพราะอาชีพการงาน และการเดินทางของคนเราได้ออกแรงเหมือนออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรงอยู่แล้ว แต่ทุกวันนี้ เราต้องเสริมสุขภาพด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำเพราะวิถีชีวิตเปลี่ยนไป
นอกจากปฏิบัติตัวตามวิถีดั้งเดิมที่ช่วยสร้างสุขภาพที่ดีแล้ว คนโบราณมักมีตำรับยาอายุวัฒนะ หมายถึงกินแล้วร่างกายมีความสมดุล แข็งแรง มีความพร้อมไว้ต้านทานโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ยกตัวอย่างให้ทำกินใช้เองได้ ดังนี้

ตำรับที่ ๑ ตัวยาประกอบด้วย กล้วยน้ำว้าสุก โบราณท่านว่าให้ใช้จำนวนเท่ากับอายุผู้กิน และน้ำผึ้ง หาน้ำผึ้งแท้จากป่าธรรมชาติยิ่งดี วิธีทำ เลือกกล้วยน้ำว้าไม่สุกไม่ดิบ ปอกเปลือกออก แช่น้ำผึ้งในขวดโหลนาน สัก ๒ สัปดาห์ เคล็ดลับ อย่าปิดฝาโหล ให้ใช้ผ้าขาวบางปิดเพื่อกันฝุ่นและแมลงลงไป ถ้าปิดฝาสนิท จะทำให้เกิดการหมัก คล้ายการหมักผลไม้เพื่อทำไวน์ จะทำให้น้ำผึ้งมีรสเปรี้ยว

วิธีรับประทาน ให้กินทุกวันๆ วัน ๑ ลูก โบราณท่านแนะว่า โดยเฉพาะผู้สูงอายุ กินแล้วทำให้ผิวพรรณผ่องใส ขับถ่ายคล่อง และมักมีคนสงสัยว่า กล้วยดองน้ำผึ้งนี้กินเฉพาะกล้วย หรือกินน้ำผึ้งที่แช่ในโหลได้ด้วย คำตอบคือ จะกินน้ำผึ้งด้วยวันละ ๑ ช้อนชาก็ไม่ผิดกติกาอะไร


ตำรับที่ ๒ ตัวยานี้เป็นที่กล่าวขานกันในวงการสมุนไพรแต่เดิมว่าเป็นตำรับยาบำรุง แต่แนะนำไว้ให้ใช้เฉพาะผู้ที่มีอายุเกิน ๔๐ ปีไปแล้ว ไม่แนะนำให้บำรุงกับวัยรุ่นหนุ่มสาว เนื่องจากตัวยามีคุณลักษณะเป็นยาร้อน คนหนุ่มสาวกินก่อนวัย กลับทำให้ร่างกายร้อนเผาผลาญมากไป อาจแก่เร็วกว่าวัยได้ ตัวยา ประกอบด้วย
ต้นเหงือกปลาหมอ ๒ ส่วน พริกไทย ๑ ส่วน

วิธีใช้ ให้นำตัวยาทั้งสอง ตากแดดให้แห้ง นำมาบดเป็นผง และละลายกินกับน้ำหรือละลายผสมกับน้ำผึ้ง กินครั้งๆละ ๑ ช้อนชา เช้า -เย็น กินทุกวัน ต่อเนื่องสัก ๑-๒ เดือน

ตำรับที่ ๓ ตำรับนี้เป็นตำรายาคลาสสิก กล่าวไว้ในตำราการแพทย์แผนไทย ที่ช่วยบำรุงธาตุในร่างกายมนุษย์ให้สมดุล เหมือนเป็นยาอายุวัฒนะอย่างดีเมื่อร่างกายมีความสมดุลนั่นเอง ตัวยาประกอบด้วย ๕ ชนิด ๑। ผลดีปลี ๒। รากชะพลู ๓। เถาสะค้าน ๔। รากเจตมูลเพลิงแดง ๕। เหง้าขิง ใช้น้ำหนักอย่างละเท่ากัน วิธีทำ ให้ใส่น้ำให้ท่วมยา ต้มให้เดือดนานประมาณ ๑๐ นาทีพอ ไม่ควรต้มนานเกินไป เพราะจะเป็นการต้มเคี่ยว ทำให้ตัวยาออกฤทธิ์รสร้อนมากเกินไป ต้มกินเป็นยาบำรุงธาตุ
วิธีรับประทาน
กินครั้งละครึ่งแก้วถึงหนึ่งแก้ว วันละ ๓ เวลา ก่อนอาหาร
ตำรับที่ ๔ อันนี้ของดั่งเดิมแท้ เป็นตำรับยาที่กล่าวไว้เป็นปริศนา มีการบอกต่อเรียนรู้สำหรับคนในแวดวงสมุนไพร หรือในหมู่ศิษย์อาจารย์จึงสามารถถอดรหัสตำรับยาอายุวัฒนะนี้ได้ ท่านกล่าวไว้ว่า “ผึ้งอากาศ พาดยอดไม้ หงายธรณี ลูกทาส ลูกไทย พญาช้างดำ พระยาช้างเผือก บวชหนีสงสาร ไปนิพพานไม่กลับ”
นั่นก็คือ
ผึ้งอากาศ คือน้ำผึ้ง
พาดยอดไม้ คือเถาบอระเพ็ด
หงายธรณี คือหญ้าแห้วหมู
ลูกทาส คือเม็ดข่อย
ลูกไทย คือพริกไทย
พญาช้างดำ คือเปลือกตะโกนา
พระยาช้างเผือก คือเปลือกถ่อน(ต้นทิ้งถ่อน)
บวชหนีสงสาร คือขมิ้นหัวขึ้น(ขมิ้นอ้อย)
ไปนิพพานไม่กลับ คือผักเสี้ยนผี
วิธีทำ นำตัวยาทั้งหมดมาอย่างละเท่าๆ กัน ตากแห้งแล้วบดเป็นผง ปั้นผสมน้ำผึ้งเป็นเม็ดลูกกลอน ขนาดเท่าเม็ดพุทรา แล้วตากให้แห้งจึงเก็บได้นาน กินครั้งละ ๑-๒ เม็ด วันละ ๑-๒ ครั้ง คือ เช้าและเย็น หรือก่อนนอน กินทุกวัน นานสัก ๑-๒ เดือน
ยังมีตำรับยาโบราณที่น่าสนใจ เกี่ยวกับการบำรุงร่างกายให้แข็งแรง เพื่อเตรียมรับกับโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ แต่ที่ยกตัวอย่างตำรับยาสุดท้าย เพราะคนโบราณท่านเห็นชีวิตเกี่ยวเนื่องกับธรรมะ และรู้ว่านิพพานไปถึงได้ ไปแล้วไม่กลับมาทุกข์อีก เป็นข้อเตือนใจให้ดำรงชีวิตด้วยความไม่ประมาทในสถานการณ์โรคระบาดต่างๆ
ทุกวันนี้ เรากำลังเผชิญวิกฤตมากมาย ถ้าลองไปนิพพานแบบชิมลอง เหมือนท่านอาจารย์พุทธทาสกล่าวไว้ว่า นิพพานอยู่แค่ปลายจมูก น่าจะทำให้เราสงบเย็น มีสติ และเรียนรู้การใช้ชีวิต การใช้สมุนไพรให้ถูกที่ถูกทางเพื่อสุขภาพของเราทุกคน.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น